Probiotics

6 สารอาหารเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย

ทุกวันนี้โลกเต็มไปด้วยมลพิษ และสิ่งแปลกปลอมมากมาย ทั้งสิ่งมองเห็นและมองไม่เห็น เมื่อสิ่งแปลกปลอมเหล่านี้เข้าสู่ร่างกายจะมีระบบหนึ่งที่ทำงานทันที นั่นคือ “ระบบภูมิคุ้มกัน” และเมื่อระบบภูมิคุ้มกันของเราไม่สามารถทำงานได้เป็นปกติหรือภูมิคุ้มกันต่ำลง ร่างกายของเราก็จะมีการแสดงอาการต่าง ๆ เพื่อเป็นการแสดงให้เรารู้ว่าภูมิคุ้มกันตก วันนี้พรีมา แคร์ จึงชวนมาเลือกอาหารเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายกันค่ะ ระบบภูมิคุ้มกัน คือ ระบบที่จะช่วยทำหน้าที่ป้องกันและกำจัดอันตรายจากสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเชื้อไวรัส แบคทีเรีย หรือสารพิษ ที่สามารถก่อให้เกิดอันตรายแก่ร่างกายและระบบต่าง ๆ อีกทั้งยังมีหน้าที่ตรวจสอบและตอบสนองต่อการติดเชื้อเพื่อให้ร่างกายสามารถทำงานได้ตามปกติ แต่ระบบภูมิคุ้มกันของเราก็มีบางครั้งที่ไม่ได้แข็งแรงพอที่จะต่อต้านกับสิ่งแปลกปลอม และเมื่อระบบภูมิคุ้มกันของเราไม่สามารถทำงานได้เป็นปกติหรือภูมิคุ้มกันต่ำลง ร่างกายของเราก็จะมีการแสดงอาการต่าง ๆ เพื่อเป็นการแสดงให้เรารู้ว่าภูมิคุ้มกันตก  อาหารเพิ่มภูมิคุ้มกัน ได้แก่ การเลือกอาหารเสริมเพื่อเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกายสามารถช่วยเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันและป้องกันการติดเชื้อได้ อย่างไรก็ตาม การรับประทานอาหารเสริมไม่ควรเป็นตัวแทนการบริโภคอาหารที่หลักในปริมาณและคุณภาพโภชนาการเพราะว่าอาหารเสริมไม่เป็นแหล่งโภชนาการที่ครบถ้วนทุกประเภท นอกจากการรับประทานอาหารที่มีคุณค่าโภชนาการสูงแล้ว การเสริมสร้างภูมิคุ้มกันยังสามารถทำได้โดยการรับประทานอาหารเสริมที่มีส่วนผสมที่ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันได้ เช่น สารอาหารเพิ่มภูมิคุ้มกันให้ร่างกาย วิตามินซี Probiotics วิตามินดี วิตามินเอ ธาตุเหล็ก ขิง

กินกิมจิเพิ่ม Probiotic ได้! Probiotic จากกิมจิ

กินกิมจิเพิ่ม Probiotic ได้! Probiotic จากกิมจิ กิมจิ (Kimchi) เป็นเครื่องเคียง หรือผักดองสไตล์เกาหลียอดนิยม ที่มักนำมารับประทานคู่กับเนื้อย่าง หรืออาจนำมาถูกปรุงในเมนูต่างๆ เช่น ข้าวผัดกิมจิ ซุปกิมจิ เป็นต้น ซึ่งวัตถุดิบที่ใช้ทำมาจากผักต่างๆ แน่นอนว่าสิ่งที่ถูกทำมาจากผักนั้นล้วนให้ประโยชน์แก่ร่างกายของเราหลากหลายอย่าง    แต่รู้หรือไม่!? ในกิมจิมี โพรไบโอติกส์ (Probiotics) หรือเชื้อจุลินทรีย์มีประโยชน์ที่อาศัยอยู่ภายในลำไส้ของมนุษย์ หากโพรไบโอติกส์มีปริมาณมากขึ้นและอยู่ในปริมาณที่เหมาะสมก็อาจช่วยลดปัญหาสุขภาพและเสริมร่างกายให้ทำงานได้ดีมากยิ่งขึ้น แต่นอกจากโพรไบโอติกส์ กิมจิก็ยังมีประโยชน์ในด้านอื่น ๆ ด้วย วันนี้ Zen เลยจะพาทุกคนมารู้ถึงคุณประโยชน์ของกิมจิกันค่ะว่ามีอะไรบ้าง ประโยชน์ของกิมจิ อุดมไปด้วย โพรไบโอติก ( Probiotics ) และแลคโตบาซิลลัส ( Lactobacillus ) ดีต่อระบบทางเดินอาหาร ช่วยในการขับถ่ายดีขึ้น สามารถลดระดับไขมัน LDL และ Cholesterol ได้ มีวิตามินเอ ช่วยเรื่องการมองเห็น วิตามินเอ วิตามินบี วิตามินซี และ Selenium กินกิมจิเพิ่ม Probiotic ได้! Probiotic จากกิมจิ

สูตรสร้างแบรนด์อาหารเสริมโพรไบโอติก 7 Pro Active

สูตรสร้างแบรนด์อาหารเสริมโพรไบโอติก 7 Pro Active สุขภาพที่ดีต้องเริ่มต้นจากการดูแลสุขภาพลำไส้ของเรา เพราะว่าลำไส้ทำหน้าที่ในการดูดซึมสารอาหารและเป็นแนวหน้าของการปกป้องร่างกาย 70% ของเซลล์ทั้งหมดที่มีหน้าที่ในระบบภูมิคุ้มกันอยู่ในลำไส้นั่นเองแต่เพราะวิถีชีวิตในยุค New Normal พฤติกรรมต่างๆ ทำลาย NK Cell (Natural Killer Cell) หรือก็คือ เซลล์มีหน้าที่ต่อสู้ กำจัดเซลล์แปลกปลอมที่เป็นอันตรายจำพวกเชื้อไวรัส ยิ่งในร่างกาย NK Cell ลดลงเยิ่งทำให้เซลล์ที่คอยต่อสู้กับเชื้อโรคในร่างกายลดน้อยลงไปด้วย   ดังนั้นวิธีที่จะเพิ่มจำนวนและเสริมความแข็งแรงให้กับเหล่า โพรไบโอติกส์ (Probiotics)ในลำไส้ที่ง่ายที่สุดก็คือการ รับประทานนั่นเอง ทำให้ทีมนักวิจัยของ เซนไบโอเทค พัฒนาสูตรอาหารเสริมโปรไบโอติก ทั้ง7สายพันธุ์ ที่มาในรูปแบบผงกรอกปาก ที่ทานง่ายไม่ต้องชง แถมรูปแบบผงยังได้ปริมาณจุลินทรีย์ในปริมาณที่เหมาะกับความต้องการของร่างกาย โดยเฉพาะจุลินทรีย์สายพันธุ์ Lactobacillus และ Bifidobacterium ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับระบบทางเดินอาหาร  ช่วยป้องกันและลดปัญหาสุขภาพเกี่ยวกับลำไส้ได้  และ Bifidobacterium breve ที่พบบริเวณลำไส้ส่วนล่างของทารกและผู้ใหญ่เป็นจุลินทรีย์ที่ดี สามารถช่วยส่งเสริมภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย จุดเด่นของอาหารเสริมโพรไบโอติก 7 Pro Active เสริมการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ป้องกันโรคทางเดินอาหาร ช่วยป้องกัน อาการท้องผูกโรคลำไส้แปรปรวนและภาวะท้องเสีย สูตรสร้างแบรนด์อาหารเสริมโพรไบโอติก 7 Pro Active

Probiotics ชื่อที่คุ้นเคย แต่ยังไม่เข้าใจ ?

Probiotics ชื่อที่คุ้นเคย แต่ยังไม่เข้าใจ ? หลายๆท่านคงคุ้นหูและได้ยินคำว่า “โพรไบโอติกส์ (Probiotics)” กันมานักต่อนักแล้ว แต่จะมีสักกี่ท่านที่เข้าใจความหมายจริงๆว่าสิ่งนี้คืออะไร? วันนี้ Zen Biotech เลยจะมาทุกท่านมาทวนความรู้และทำความเข้าใจเกี่ยวกับโพรไบโอติกส์ให้มากขึ้นค่ะ จริงๆ แล้ว โพรไบโอติกส์ (Probiotics) เป็นชื่อเรียกของจุลินทรีย์ขนาดเล็ก ที่มีส่วนช่วยในการผลิตสารต่อต้านหรือกำจัดเชื้อจุลินทรีย์ ซึ่งพบได้ในร่างกายของมนุษย์เราอยู่แล้ว แต่ด้วยปัจจัยบางอย่างก็อาจส่งผลให้จุลินทรีย์ชนิดนี้ลดลง ส่งผลต่อการทำงานของระบบย่อยอาหาร จึงมีความจำเป็นต้องเสริมด้วยการทานอาหารกลุ่มจุลินทรีย์ Probiotics ไม่ว่าจะเป็น โยเกิร์ต นมเปรี้ยว หรือผักดอง Probiotic ที่ว่าสำคัญ ช่วยเรื่องอะไรล่ะ? แก้ไขปัญหาระบบทางเดินอาหาร ไม่ว่าจะเป็น โรคอุจจาระร่วง ท้องผูก ลำไส้แปรปรวน หรือโรคลำไส้ใหญ่อักเสบเป็นแผลเรื้อรัง กระตุ้นระบบย่อยอาหารโดยการสร้างเอนไซม์หลายชนิด ช่วยดูแลสุขภาพช่องปาก ป้องกันฟันผุ ป้องกันโรคภูมิแพ้ มีส่วนช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันให้เข้าสู่ภาวะสมดุล ช่วยลดความดันโลหิต ป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรีย หน้าตาสดใส ผิวพรรณดี โพรไบโอติกส์มีแบบไหนบ้าง? หลักๆ แล้ว โพรไบโอติกส์จะถูกแบ่งออกเป็น 2 ประเภท ได้แก่ โพรไบโอติกส์ธรรมชาติ และโพรไบโอติกส์ในรูปแบบอาหารเสริม Probiotics ชื่อที่คุ้นเคย แต่ยังไม่เข้าใจ ?

พรีไบโอติก (Prebiotics) กับโพรไบโอติก (Probiotics) แตกต่างกันอย่างไร

พรีไบโอติก (Prebiotics) กับโพรไบโอติก (Probiotics) แตกต่างกันอย่างไร พรีไบโอติก คืออะไร พรีไบโอติก (Prebiotics) คือ พรีไบโอติกช่วยให้แบคทีเรียชนิดดีในลำไส้เจริญเติบโต เมื่อลำไส้มีปริมาณของแบคทีเรียชนิดดีมากขึ้นจะทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีมากยิ่งขึ้นด้วย โพรไบโอติก คืออะไร โพรไบโอติก (Probiotics) เป็นจุลินทรีย์ที่มีชีวิตและเป็นชนิดดีที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ช่วยในการทำงานของระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่าย ช่วยในการย่อยพรีไบโอติกเพื่อกระตุ้นการทำงานของแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้ และช่วยให้แบคทีเรียดีในลำไส้เจริญเติบโต พรีไบโอติก กับ โพรไบโอติก ต่างกันอย่างไร ทั้งพรีไบโอติกและโพรไบโอติกนั้นเป็นสิ่งที่ทำงานสัมพันธ์กัน และให้ประโยชน์ต่อร่างกายในเรื่องของระบบย่อยอาหารและระบบขับถ่ายเหมือนกัน แต่จะมีความแตกต่างกันตรงที่พรีไบโอติกนั้นเป็นสารอาหารที่ได้จากการรับประทานอาหารและอาหารเสริม  ในขณะที่โพรไบโอติกจะเป็นจุลินทรีย์ที่มีชีวิตและมีประโยชน์ต่อร่างกายซึ่งสามารถพบได้จากการรับประทานอาหารและอาหารเสริมเช่นเดียวกับโพรไบโอติก นอกจากนี้พรีไบโอติกยังไม่สามารถถูกย่อยที่ลำไส้เล็กได้ จำเป็นต้องอาศัยโพรไบโอติกหรือจุลินทรีย์ที่ดีมาทำการย่อยเพื่อเป็นอาหารให้แบคทีเรียที่ดีในลำไส้ ดังนั้นจะเห็นได้ว่า ร่างกายไม่ควรขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ว่าจะเป็นพรีไบโอติกหรือโพรไบโอติก เพราะทั้งสองสิ่งนี้ทำงานเกื้อกูลซึ่งกันและกัน และให้ประโยชน์ต่อร่างกายเช่นเดียวกัน   อยากทดลองสินค้า หรือต้องการพัฒนาสูตรเพื่อสร้างแบรนด์อาหารเสริม สามารถทักมาคุยกับแอดมินได้เลย โรงงานอาหารเสริม เซน ไบโอเทค ไม่หยุดที่จะพัฒนาเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ และความเชื่อมั่น ให้กับลูกค้าที่ได้มอบความไว้วางใจให้กับเรา เซน ไบโอเทค จะไม่หยุดพัฒนา พร้อมกับรังสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ เพื่อส่งมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้แก่ทุกท่าน ติดตามนวัตกรรมใหม่ๆ ต่อได้ที่นี่

ใครบ้าง? ต้องทาน Probiotics&Prebiotics

ใครบ้าง? ต้องทาน Probiotics&Prebiotics เราจำเป็นต้องทาน Probiotics&Prebiotics ไหม? คำถามนี้น่าจะเป็นคำถามที่ใครหลาย ๆ คนต้องการคำตอบ โดยปกติแล้วโปรไบติกส์หรือจุลินทรีย์ดี จะอยู่ในร่างกายเรามาตั้งแต่เกิด แต่จะลดลงและเปลี่ยนแปลงไปตามอายุ การใช้การใช้ยาปฎิชีวนะ อาหาร ความเครียด หรือการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ ซึ่งไลฟ์สไตล์ในชีวิตปัจจุบัน ทำให้เราหลีกเลี่ยงปัญหาเหล่านี้ได้ยาก จนอาจทำให้เกิดปัญหาเกี่ยวกับลำไส้และระบบภูมิคุ้มกันตามมา อีกทั้งมลพิษและปัญหาสุขภาพอาจส่งผลต่อความสมดุลของเชื้อตัวจิ๋วได้เช่นกัน ดังนั้น หากต้องเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ ไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ก็อาจเกิดอาการเจ็บป่วยได้เช่นกัน   ดังนั้นการกิน โปรไบโอติกส์ (Probiotics) และ พรีไบโอติกส์ (Prebiotics) จึงเป็นสิ่งสำคัญต่อสุขภาพ เช่นเดียวกับการที่เรารับประทานอาหารที่ร่างกายต้องการ ทั้งคาร์โบไฮเดต โปรตีน ไขมัน วิตามิน เกลือแร่ เพื่อให้ร่างกายได้นำไปใช้เป็นแหล่งพลังงานและซ่อมแซมส่วนส่วนสึกหรอในแต่ละวัน การกินโปรไบโอติกส์ก็เช่นกัน เราทานโปรไบโอติกส์เพื่อเติมเต็มส่วนที่สูญเสียไปจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตของเรานั่นเอง  ใครบ้าง? ต้องทาน Probiotics&Prebiotics ผู้ที่มีอายุ 30 ปีขึ้นไป ผู้ที่มีปัญหาผิวแพ้ง่าย สิว ผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก ผู้ที่มีภาวะเครียด ผู้ที่มีภาวะอุดตันของลำไส้ หรือขับถ่ายยาก ผู้ที่มีอาการท้องเสีย   โรงงานอาหารเสริม เซน ใครบ้าง? ต้องทาน Probiotics&Prebiotics

โพรไบโอติกส์ (Probiotics) สารอาหารสำคัญ? ช่วยให้ลำไส้แข็งแรง

อยากลำไส้ดีต้องมีโพรไบโอติกส์ จุลินทรีย์ดีที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย รู้หรือไม่ว่า? โพรไบโอติกส์ (Probiotics) มีสว่นสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของลำไส้ให้ดูดซึมสารอาหารที่มีประโยชน์เข้าสู่ร่างกายได้อย่างเต็มที่ พูดง่ายๆ หากเราต้องการใำ้ลำไส้ทำงานดี ขับถ่ายดี ดูดซึมสารอาหารต่าง ๆ ไปหล่อเลี้ยงร่างกายได้เต็มประสิทธิภาพโพรไบโอติกส์คือหัวใจสำคัญ! ประโยชน์ของโพรไบโอติกส์ โพรไบโอติกส์มีประโยชน์อย่างมาก ต่อระบบทางเดินอาหาร นิยมใช้ในทางการแพทย์ เพื่อการรักษาและป้องกันภาวะลำไส้อักเสบ ตั้งแต่ขึ้นพื้นฐานไปจนถึงระดับการอักเสบ เช่น อาการท้องเสีย อาการท้องไส้แปรปรวน ภาวะการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งโพรไบโอติกส์นี้เองจะช่วยชะลอและลดความเสี่ยงการเกิดอาการเหล่านี้ได้ดีขึ้น สาเหตุหรือปัจจัยที่โพรไบโอติกส์ของร่างกายลดลง การรับประทานน้ำตาลหรือของหวานเป็นประจำ การรับประทานอาหารกลุ่มแป้งที่ผ่านการขัดสี ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ การใช้ยาปฏิชีวนะเป็นประจำ ทำให้โพรไบโอติกส์ในระบบทางเดินอาหารลดลง ภาวะเครียด การสูบบุหรี่ การพักผ่อนน้อย พักผ่อนไม่เพียงพอ ภาวะโรคอ้วน ไม่ได้ออกกำลังกาย อายุที่มากขึ้น ส่งผลให้โพรไบโอติกส์ในระบบร่างกานลดลงได้เช่นกัน ทำไมเราจึงควรได้รับโพรไบโอติกส์ เข้าสู่ร่างกาย อย่างที่กล่าวข้างต้นแล้วว่าอาหารบางชนิด เช่น โยเกิร์ต และนมเปรี้ยว มีโพรไบโอติกส์หรือจุลินทรีย์ที่มีประโยชน์ แต่น้อยคนที่จะรู้ว่าโพรไบโอติกส์ยังพบได้ในอาหารบางชนิด เช่น กิมจิ ซุปมิโสะ คอมบุชาหรือชาหมัก แตงกวาดอง และในชีสบางชนิด อย่างเชดด้าชีส หรือมอสซาเรลลาชีส เป็นต้น สำหรับผู้ที่แพ้อาหารหรือไม่ชื่นชอบอาหารดังกล่าวจึงแนะนำให้รับประทานผลิตภัณฑ์อาหารเสริมโพรไบโอติกส์ทดแทนได้ โพรไบโอติกส์ (Probiotics) สารอาหารสำคัญ? ช่วยให้ลำไส้แข็งแรง